tag:blogger.com,1999:blog-71614234256459170692024-03-19T10:21:13.293-07:00เคล็ดลับในการสร้างเงินออมน.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.comBlogger15125tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-4148263191389839872013-02-17T03:22:00.000-08:002013-02-20T03:22:31.998-08:00วิธีออมเงินอย่างฉลาด ออมอย่างไรให้รวย<span style="color: magenta;"><strong><span style="color: #ff6600;">1.ออมกับกองทุนเลี้ยงชีพ</span> </strong>สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีผลกำไลในวันข้างหน้าหรือพูดง่ายๆ คือเงินดอกนั้นเอง อย่างการออมกับกองทุนเลี้ยงชีพเราก็จะได้เปอร์เซ็นตามอายุงานของเรา ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทนั้นๆ ด้วยครับ พูดถึงการออมเงินแบบนี้คุ้มมั้ย บอกตามตรงได้มากกว่าฝากกับธนาคารอีกครับ บ้างครั้งเราทำงานผ่านไปเดือนๆ หนึ่ง เราอาจจะรู้สึกได้ว่าเราได้เงินครบทุกเดือน แต่ที่จริงแล้วเราถูกหักเงินไปโดยที่เราไม่ได้คิดถึงมันเลยจึงทำให้วิธีนี้คุ้มค่ามาก พนักงานเงินเดือนรีบไปสมัครกับกองทุนด่วนเลย…</span><br />
<span style="color: magenta;"><span style="color: #ff6600;"><strong>2.ออมด้วยการซื้อหุ้น</strong></span> ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับเป็นหุ้นของออมทรัพย์นี้แหละเท่าที่จำได้ตอนได้เข้าอบรมมา คือการออมเงินตัวนี้ผมมองไม่แตกต่างจากการฝากประจำเท่าใดนัก แต่เรื่องดอกเบื้อหรือเงินปันผลจะมีความแตกต่างกันไป ถ้าหากเราทำงานประจำผมว่าควรทำเอาไว้ก็ดีนะครับเพราะเมื่อเราสมัครไปแล้วทุกๆ สินเดือนจะมีการหักเงินของเราไปแบบอัตโนมัติ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะซื้อกี่หุ้นนะครับ รายละเอียดเพิ่มเติมเราควรไปติดต่อกับฝ่ายบุคคลได้เลยนะครับ เพราะที่ฝ่ายฝ่ายบุคคลเขารับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้วในเรื่องสวัสดิการพนักงาน</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-62360468707040993782013-02-10T03:17:00.000-08:002013-02-20T03:18:11.673-08:00ออมเงินประจำ เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ไม่รู้<span style="color: lime;">หลายๆ คนคงคุ้นเคย และรู้จักกับการ ‘ฝากเงินประจำ' กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่หลงลืมเรื่องการออมเงินในรูปแบบนี้ไป อาจเป็นเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถออมเงินได้เท่ากันทุกเดือนหรือเปล่า รายจ่ายจะพอหรือเปล่าหากต้องหักไปลงในบัญชีเงินฝากประจำ ฯลฯ</span><br />
<span style="color: lime;">อีกอย่าง มันเป็นเรื่องการออมเงินกึ่งบังคับ เพราะหากจะถอนออกมาใช้ก่อนกำหนด บางธนาคารก็จะให้ดอกเบี้ยเท่ากับบัญชีออมทรัพย์ หรือบางธนาคารอาจจะต้องปิดบัญชีนี้ไปเลย ฉะนั้นต้องไปทำความเข้าใจ และเจาะลึกลงรายละเอียดกันอีกครั้งแล้วล่ะค่ะ</span><br />
<br /><span style="color: lime;"><strong>มาเริ่มทำความเข้าใจ เรื่องของบัญชีเงินฝากประจำกันใหม่ !</strong><br />บัญชีเงินฝากประจำ สามารถเลือกฝากได้ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป (3, 6, 12, 24 และ 36 เดือน) แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องฝากเงินเท่ากันในทุกๆ เดือน อย่าง เปิดบัญชีฝากประจำในครั้งแรก จำนวน 3,000 บาท ก็ต้องมาฝาก 3,000 บาท ทุกๆ เดือน เป็นระยะเวลาตามที่คุณเป็นผู้เลือกตั้งแต่แรก โดยส่วนใหญ่แล้ว ทางธนาคารจะมีอัตราการฝากขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท</span><br />
<span style="color: lime;">และเพื่อความสะดวกในการออมเงิน คุณสามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อผูกกับบัญชีฝากประจำได้เลย โดยทางธนาคารจะหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของคุณโดยอัตโนมัติ เข้าสู่บัญชีฝากประจำทันที และคุณสามารถปรับสมุดเงินฝากเพื่อตรวจสอบยอดเงินฝากได้เลย นอกจากนี้การเปิดบัญชีเงินฝากประจำสามารถใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อหรือค้ำประกันได้อีกด้วย</span><br />
<br /><span style="color: lime;"><strong>ดอกเบี้ยที่ได้รับแตกต่างจากดอกเบี้ยแบบออมทรัพย์</strong><br />ดอกเบี้ยของการฝากแบบประจำนั้นจะได้สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์อย่างแน่นอน ซึ่งสามารถตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยได้ที่ธนาคารทุกสาขาก่อนที่จะทำการเปิดบัญชีเงินฝากประจำ และบางธนาคารจะมีโบนัสพิเศษให้สำหรับคนที่ฝากครบกำหนดอีกด้วย</span><br />
<span style="color: lime;">ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่จะได้นั้น จะขึ้นอยู่กับวันที่คุณไปเปิดบัญชีเงินฝากด้วยว่า ในช่วงดังกล่าว ดอกเบี้ยขึ้นลงมากน้อยแค่ไหน อย่าง วันที่คุณเปิดบัญชีเงินฝาก แบบ 24 เดือน ฝากเงินจำนวน 3,000 บาท ในช่วงประกาศช่วงนั้น ดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ 1.50 บาท คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยจำนวน 1.50 บาทจนครบกำหนด 24 เดือน เป็นต้น</span><br />
<br />น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-44068876304768682092013-02-03T03:21:00.000-08:002013-02-20T03:21:24.407-08:00ออมเงินวันนี้ ก็เหมือนเป็นการประกันชีวิตของเราในวันข้างหน้า<span style="color: orange;">การเงินคุณเป็นไงบ้างครับ หลายๆ ครั้งที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ มากมายที่ทำให้เราต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่าโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าเรามีทรัพย์สินหรือเงินทองเพียงพออยู่ในมือแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ถ้าเราไม่มีอะไรเลยหละครับก็ต้องสร้างหนี้สินกันอีกครับ เอาง่ายๆ จากประสบการณ์ของผมเองก็แล้วกันครับ ผมเป็นพนักงานเงินเดือนทำงานทั้งปีไม่มีเงินเก็บเลยครับ ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ มันเกิดอะไรขึ้น ผมว่าหลายๆ ท่านคงเป็นเหมือนกัน รับเงินเดือนตอนสิ้นเดือน ต้นเดือนก็หมดกันแล้วค่าใช้จ่ายแต่ละคนเข้าใจครับมากมายจริง ๆ ค่าบัตร ค่าบ้าน ค่ารถ ในเมื่อต้นเดือนเงินจะหมดกันแล้ว พอมาถึงปลายเดือนสุดท้ายไม่มีเงินกันแล้วครับ บางคนต้องไปหากู้เงินดอกมาใช้ก่อนในที่สุดก็เลยต้องจมอยู่กับการวนเวียนใช้หนี้กันต่อไป แล้วถ้าหากมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้เงินหละครับ ก็ต้องไปกู้เงินดอกมาใช้ก่อนหรือไม่ก็ไปสมัครบัตรกดเงินสดมาใช้จ่าย ผมว่ามาออมกันดีกว่าครับ ไม่ต้องมากแต่ขอให้มี</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-85873952217834395572013-01-27T03:09:00.000-08:002013-02-20T03:09:49.294-08:00ข้อคิดสำหรับการออม<span style="color: purple;">เรื่องของการออมที่จะออมอย่างไรนั้น มีหลายวิธีที่เราสามารถเลือกใช้ในการออมเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝากประจำ และไม่ประจำกับทางธนาคาร หรือเลือกที่จะออมเงินไว้กับตัวเราเองก็ได้ แต่วิธีนี้เราต้องมีระเบียบวินัยที่สูงในการออม เพราะเงินอยู่ใกล้ตัวสามารถนำออกมาใช้จ่ายได้ตลอดเวลา</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-59780419146207158822013-01-20T03:05:00.000-08:002013-02-20T03:08:14.973-08:00การออมเงินมีข้อดีอย่างไร<div class="single-left">
</div>
<div class="single-right" sizcache09886183406137535="1" sizset="10">
<div class="entry-content" sizcache09886183406137535="1" sizset="10">
<ol sizcache09886183406137535="1" sizset="10">
<li><span style="color: blue;">สร้างความเป็นอยู่ฐานะ ในอนาคตให้ดีขึ้น</span></li>
<li><span style="color: blue;">มีเงินใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน หรือในยามจำเป็นเจ็บไข้ได้ป่วย</span></li>
<li><span style="color: blue;">สร้างอนาคตความเป็นอยู่ที่มั่นคง</span></li>
<li><span style="color: blue;">หลุดพ้นจากการเป็นหนี้</span></li>
<li><span style="color: blue;">สามารถมีเงินลงทุนได้ในอนาคต</span></li>
</ol>
</div>
</div>
น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-89808335148697136582013-01-13T03:04:00.000-08:002013-02-20T03:04:59.171-08:00หลักการออมเงินง่ายๆๆๆๆๆๆๆ<strong><span style="color: green;">หลักในการออมเงินมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ</span></strong> <br />
<br />
<strong><span style="color: #ff6600;">วิธีที่ 1 ออมเงินในลักษณะถูกบังคับ</span></strong> อาทิเช่น การฝากประจำโดยให้หักเงินจากบัญชีเงินเดือน สมัครกองทุนเลี้ยงชีพ หรือซื้อหุ้นของออมทรัพย์ ข้อนี้ให้คุณติดต่อสอบถามกับฝ่ายบุคคลได้เลย<br />
<strong><span style="text-decoration: underline;">ข้อเสียคือ</span></strong> เงินที่ฝากไม่สามารถเบิกมาใช้จ่ายตามใจเราได้<br />
<strong><span style="color: #ff6600;">วิธีที่ 2 ออมเงินด้วยความเติมใจ</span> </strong>อาทิเช่น เก็บเงินที่เหลือในแต่ละวันหยอดกระปุก นำเงินที่มีอยู่ไปฝากแบบไม่ประจำ<br />
<strong><span style="text-decoration: underline;">ข้อเสียคือ</span></strong> มีระเบียนวินัยในการออมน้อย เพราะสามารถนำเงินออกมาใช้จ่ายเมื่อใดก็ได้ ตามความต้องการน.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-40602965096127491102013-01-06T02:57:00.000-08:002013-02-20T02:58:10.663-08:00วิธีการและทางเลือกของการออมทรัพย์ <span style="color: red;">วิธีการและทางเลือกของการออมทรัพย์ มีวิธีการปฏิบัติดังนี้.</span><br />
<span style="color: red;">1. การจัดสรรเงินด้วยตนเอง<br /><span class="goog_qs-tidbit-0">เป็นการวางแผนการเงินที่ได้มาควรจัดสรรเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออม</span> โดยไม่ต้องคิดตลอดเวลาว่าเงินที่ออมมีไว้สำหรับความจำเป็นในอนาคต และจะต้องไม่นำเงินออมที่เก็บไว้ไปใช้จ่ายในสิ่งที่ฟุ่มเฟือย และไม่ได้ประโยชน์</span><br />
<span style="color: red;">2. การวางแผนการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน<br />คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงเรื่องการออมมักจะเห้นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ โดยให้เหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่มักสรุปได้ว่า จะออมได้อย่างไร แค่ใช้จ่ายก็ไม่มีเงินเพียงพอแล้ว <br />ดังนั้น ในการเริ่มต้นในการออม จึงมีเครื่องมือที่สำคัญ 3 ประการที่จำเป็นต้องมีการพิจารณา ได้แก่<br />2.1 ทัศนคติ ผู้ที่คิดเริ่มต้นที่จะเก็บเงินออม ต้องมีความคิดที่ตระหนักถึงคุณค่าในตนเอง เห็นความสำคัญของตนเอง มีความเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำได้<br />2.2 อุปนิสัย ต้องเป็นผู้ที่มีวินัยในตนเอง ไม่จำเป็นต้องเก็บให้ได้ครั้งละมากๆ อาจเริ่มเก็บเพียงทีละเล็กทีละน้อย แต่ต้องมีความสม่ำเสมอ<br />2.3 จุดมุ่งหมาย หรือเป้าหมายในการออม ต้องมีการกำหนดเป้าหมายว่า ออมไปเพื่ออะไร เช่น เพื่อซื้อหนังสือ เพื่อเป็นทุนการศึกษา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน</span><br />
<span style="color: red;">3. การออมโดยการฝากเงินกับธนาคาร<br />เป็นการออมเงินที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และคุ้นเคยที่สุด มีความสะดวกและมีความมั่นคง แต่ผลตอบแทนที่ได้ (ดอกเบี้ย) จากการฝากเงินค่อนข้างต่ำ เนื่องมาจากระบบการฝากเงินมีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินจากการฝากเงินจึงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก คนส่วนใหญ่จึงคุ้นเคยกับการจัดสรรเงินไว้ในระบบเงินฝากเพื่อสามารถเบิกถอนมาใช้ได้สะดวกในเวลาที่ต้องการ<br />เคล็ดลับในการออม<br />1. เริ่มต้นออมแต่เนิ่นๆ เวลาออมยิ่งมีมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ดอกเบี้ย และเงินต้นมีโอกาสสะะสมมากขึ้นเท่านั้น<br />2. จัดสรรเงินสำหรับการออม จัดสรรเงินที่จะเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของการจ่ายประจำวันที่มีความสำคัญเหมือนกับรายจ่ายอื่นๆ<br />3. ออมอย่างสม่ำเสมอ การออมเงินอย่างมีวินัยจะทำให้สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ</span><br />
<span style="color: red;">4. การทำประกันชีวิต<br /><span class="goog_qs-tidbit-1">การทำประกันชีวิต เป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างเสริมนิสัยการออม ด้วยการจัดสรรเงินส่วน</span>หนึ่งมาชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตตามจำนวนและระยะเวลาในการชำระเบี้ยประกันภัยที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อครบกำหนดสัญญา บริษัทประกันชีวิต ก็จะจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตตามจำนวน และตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อผู้เอาประกันชีวิตยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะเป็นการออมอีกลักษณะหนึ่งเพื่อเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคต นอกจากนั้น การทำประกันชีวิตยังเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคง และความอุ่นใจให้แก่ตนเองและครอบครัว ในกรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรบริษัทประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์หรือทายาทตามจำนวนที่กำหนดไว้ในสัญญา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา หรือเก็บไว้ใช้จ่ายเพื่อความจำเป็นต่างๆ นอกจากนี้การทำประกันชีวิตสามารถช่วยให้ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องนำเงินที่ตนเองสะสมไว้มาใช้จ่ายในยามเดือดร้อน เช่น กรณีที่เจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ถ้าผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครองการประกันสุขภาพไว้ด้วย บริษัทประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญา โดยไม่ต้องนำเงินที่ตนเองสะสมไว้มาจ่ายเป็นค่ารักษา เป็นต้น</span><br />
<div class="clearfix" id="jv-userwrap1">
<div class="jv-wrapper">
<div class="jv-user jv-box-left" id="jv-user7" style="width: 49.5%;">
<div class="mod-h3">
<br /></div>
</div>
</div>
</div>
น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-32341613613854089692012-12-30T21:23:00.000-08:002013-02-19T21:23:42.157-08:00แยกประเภทเงินออมให้ชัดเจน<b><u><span lang="TH" style="color: darkorange;"><span style="font-family: Tahoma;">แยกรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วดูว่ามีเงินคงเหลือเท่าไหร่</span></span><span style="color: #000054;"><br clear="all" /></span></u></b><span style="color: black;"><br clear="all" /><span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">สาเหตุที่ต้องคำนวนเงินคงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกไปก่อนหลังรับเงินเดือนมา นั่นก็เพราะว่าคุณจะได้ทราบตัวเลขที่แน่นอนว่ามีเงินคงเหลืออีกจำนวนเท่าไหร่ เพื่อจะได้นำไปจัดสรรปันส่วนระหว่างเงินที่ต้องเก็บ และเงินที่สามารถใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง</span> </span></span><span style="color: black; font-size: 11pt;"><o:p></o:p></span><br />
<span style="color: black; font-size: 11pt;"><br clear="all" /></span><span style="color: purple;"><span style="font-family: Tahoma;"> <b><u><span lang="TH">พิจารณาดูว่าควรออมเงินแบบไหน</span></u></b></span></span><span style="color: black;"><br clear="all" /><br clear="all" /><span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">คุณควรหันมาสังเกตการใช้เงินในแต่ละเดือนดูบ้าง ว่ามีการใช้จ่ายมากขนาดไหน และในอนาคตมีแผนนำเงินไปลงทุนอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้เลือกฝากเงินกับทางธนาคารตามประเภทบัญชีที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น ผู้ที่มีความคิดจะเก็บเงินซื้อบ้าน อาจต้องเลือกฝากเงินแบบฝากประจำ ทั้งนี้ก็เพื่อบังคับตัวเองให้นำเงินไปฝากตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้</span><br clear="all" /></span></span><span style="color: green;"><span style="font-family: Tahoma;"> <b><u><span lang="TH">แบ่งเงินใช้จ่ายตามความเหมาะสม</span></u></b></span></span><span style="color: black;"><br clear="all" /><br clear="all" /><span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">เมื่อไหร่ที่ได้รับเงินเดือนมาแล้ว ขอให้คุณแบ่งเงินเอาไว้เลยสำหรับเงินเก็บส่วนหนึ่ง และเงินสำหรับใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น เพื่อให้คุณรู้สัดส่วนจำนวนเงินที่สามารถใช้ได้จริง โดยไม่ต้องไปแตะต้องกับเงินส่วนที่ออมไว้</span><br clear="all" /><br clear="all" /></span></span><span style="color: maroon;"><span style="font-family: Tahoma;"> <b><u><span lang="TH">ทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย</span></u></b></span></span><span style="color: black;"><br clear="all" /><br clear="all" /><span style="font-family: Tahoma;"> <span lang="TH">แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ดูจุกจิกและอาจทำให้หลาย ๆ คน เบื่อกับการต้องมานั่งจดบันทึกว่ามีรายรับ - รายจ่ายมากน้อยขนาดไหน แต่มันจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่า ในแต่ละวันคุณหมดเงินไปกับอะไรบ้าง หากพบว่าเงินที่ใช้ดันหมดไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น คราวหน้าจะได้ไม่ซื้ออีกไงคะ</span><br clear="all" /></span></span><span style="color: black; font-size: 11pt;"><o:p></o:p></span><br />
<div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt;">
<br /></div>
น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-67576761260850484092012-12-23T23:37:00.000-08:002012-12-29T23:41:59.909-08:00วิธีการสร้างเงินออม<span style="background-color: #f3f3f3; color: purple; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">
</span><br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;">
<span style="color: purple;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: #f3f3f3;">การออมทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล
วิธีการที่จะทำให้เกิดเงินออมขึ้นแบ่งออกได้ 2 วิธี คือ การเพิ่มรายได้และการลดรายจ่าย<br />
<br />
<span style="color: red;">1. วิธีการสร้างเงินออมโดยการเพิ่มรายได้</span> การหารายได้เพิ่มนั้นผู้บริโภคทุกคนสามารถที่จะหารายได้ตามความถนัดและความสามารถของตนเอง
แต่ต้องได้มาด้วยความสุจริต มีจริยธรรมและคุณธรรม เช่น<br />
<br />
1) การฝากธนาคาร
การฝากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจเช่นเดียวกับธนาคารซึ่งได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย
แต่จะฝากประเภทใดนั้น ให้พิจารณา จากรายละเอียดของการบริการของแต่ละธนาคารได้แก่
ฝากประจำ ฝากออมทรัพย์ และฝาก กระแสรายวัน<br />
<br />
2) การทำประกันชีวิตแบบประกันภัยเพื่อการออมเงิน นอกจากจะคุ้มครองการเสียชีวิตแล้ว
ผู้เอาประกันยังสามารถเลือกรับผลประโยชน์ตอบแทนได้ นับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเลือกรับเงินคืนได้ตามเงื่อนไขของสัญญา มีหลายแบบให้เลือกใช้บริการ
ทั้งที่ทำกับธนาคารหรือบริษัทประกันภัยต่าง ๆ นับเป็นการเพิ่มรายได้ประเภทหนึ่งแต่มักจะมีระยะเวลายาว
เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี และ 20 ปี เป็นต้น<o:p></o:p></span></span></span></div>
<span style="background-color: #f3f3f3; color: purple; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">
</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3I-lKM2tm_b-w6fkMkE998P3-nk9MVx88cZujFXn34EvwJyj5-tq8eE3rW2tBxQZtlQzezWWC70aVIrkeGW8jpPw6ooZA6P5QxcB5St7EnfmKgiuqVWkPSUnOoD8lRhuWfzc0csgrekI/s1600/images.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><span style="background-color: #f3f3f3; color: purple; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3I-lKM2tm_b-w6fkMkE998P3-nk9MVx88cZujFXn34EvwJyj5-tq8eE3rW2tBxQZtlQzezWWC70aVIrkeGW8jpPw6ooZA6P5QxcB5St7EnfmKgiuqVWkPSUnOoD8lRhuWfzc0csgrekI/s1600/images.jpg" /></span></a><span style="color: purple;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: #f3f3f3;"><span style="color: red;"><v:shapetype coordsize="21600,21600" filled="f" id="_x0000_t75" o:preferrelative="t" o:spt="75" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" stroked="f">
<v:stroke joinstyle="miter">
<v:formulas>
<v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0">
<v:f eqn="sum @0 1 0">
<v:f eqn="sum 0 0 @1">
<v:f eqn="prod @2 1 2">
<v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth">
<v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight">
<v:f eqn="sum @0 0 1">
<v:f eqn="prod @6 1 2">
<v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth">
<v:f eqn="sum @8 21600 0">
<v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight">
<v:f eqn="sum @10 21600 0">
</v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:f></v:formulas>
<v:path gradientshapeok="t" o:connecttype="rect" o:extrusionok="f">
<o:lock aspectratio="t" v:ext="edit">
</o:lock></v:path></v:stroke></v:shapetype>2. วิธีการสร้างเงินออมโดยการลดรายจ่าย <br />
</span>
การที่ผู้บริโภคสามารถลดรายจ่ายได้โดยใช้สิ่งของต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และใช้บริการต่าง ๆ อย่างประหยัดทำให้เกิดเงินออมเพิ่มขึ้นได้
การสร้างเงินออมโดยการลดรายจ่าย มีวิธีการดังนี้<br />
<br />
1) การซื้ออย่างฉลาด คือ การซื้อสิ่งของที่มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำ
มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า ซื้อสินค้าตามความจำเป็นที่จะต้องใช้งานเท่านั้น
ไม่ซื้อสิ่งของหรือสินค้าฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น เช่น ซื้อเพราะเห็นเพื่อน ๆ มีใช้ ต้องการของแถม
ให้ทันสมัยไม่ตกรุ่น เป็นต้น<br />
<br />
2) การใช้สิ่งของอย่างฉลาด คือ
การรู้จักบำรุงรักษาสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ให้สามารถใช้งานได้ถูกวิธีและใช้อย่างประหยัด
รวมทั้งการประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าโทรศัพท์
การประหยัดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก และเป็นการช่วยให้เกิดเงินออมเพิ่มขึ้นได้<br />
<br style="mso-special-character: line-break;" />
<br style="mso-special-character: line-break;" />
</span></span></span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-34934035940752299012012-12-16T16:56:00.000-08:002012-12-22T16:57:16.048-08:00วิธีที่ทำให้เงินออมเพิ่มมูลค่าด้วยตัวเอง<br />
<span style="color: red;"> เมื่อคนที่ไม่เก่งมีเงินเก็บสักก้อนหนึ่ง การที่ปล่อยให้มันนิ่งอยู่เฉยๆ คงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา คุณต้องรู้จักหาเงินให้เงินออมของคุณ ไม่ใช่ว่าให้มันนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะทำอะไร มันก็อยากที่คุณจะกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ เพราะว่าเงินที่เก้บมันจะงอกเงยขึ้นมาสักสลึงหรือสักบาท คุณรู้ดีว่ามันอยากลำบากแค่ไหน แต่เวลาที่มันจะหมดไปนั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว</span><br />
<span style="color: red;"> ด้วยเหตุนี้คุณจำเป็นต้องทำให้เงินออมของคุณเพิ่มพูนขึ้นด้วยตัวของมันเองด้วยส่วนหนึ่ง แต่ว่าคุณจะทำอย่างไรกับเงินออมของคุณดีส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 80 มักเอาเงินไปฝากไว้กับธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ย ซึ่งทุกวันนี้มันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-75625436858100291122012-12-09T05:42:00.000-08:002012-12-22T05:43:28.569-08:00ฝังการออมให้เป็นนิสัย <span style="color: lime;">เมื่อฝันว่าจะมีเงินเก็บ ใช่ว่าอยู่ดีๆก็จะมีขึ้นมาได้ โดยที่คุณยังใช้จ่ายแบบเดิมๆ แม้ว่าการที่คุณจะเป็นคนร่ำรวยได้หรือไม่ เงินเก็บไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่ ย่อมต้นของการปูทางไปสู่เศรษฐี เพราะตราบใดที่คุณไม่มีเงินทุนเป็นของตนเองก่อน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นๆก้เป็นเรื่องยาก</span><br />
<span style="color: lime;"> อีกทั้งการสร้างหลักฐานด้วยทุนของตนเองนั้น ย่อมดีกว่าที่จะยืมจมูกของคนอื่นหายใจ เวลาที่พลาดพลั้งจนกิจการขาดทุน อย่างน้อยก็ไม่เกิดหนี้สิน หรือถ้าจะเกิดก็เกิดไม่มาก โอกาสที่คุณจะตั้งหลักกลับมาใหม่ก็จะใช้เวลาไม่นาน</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-22893220500806616992012-12-02T05:30:00.000-08:002012-12-22T05:31:28.604-08:00งกกับประหยัดเป็นคนละเรื่องกัน<span style="color: purple;"> การประหยัดกับการงก เหมือนเป็นคนละด้านกันเลยก็ว่าได้อีกทั้งคนรอบข้างที่มองก็จะมองคนละแบบ เพราะเขาจะมองว่าคนประหยัดเป็นคนที่ดี ส่วนคนงกจะถูกมองว่าเป็นคนที่น่ารังเกียจ เพราะชอบสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น</span><br />
<span style="color: purple;"></span><br />
<span style="color: purple;"> ดังนั้นการจะทำหน้าใหญ่ใจโตเพราะเกรงจะถูกมองว่าเป็นคนงกจึงจึงไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาเป็นข้ออ้างให้เป็นคนฟุ่มเฟือยหรือเป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเงินได้ การที่คุณรู้จักอดออมโดยไม่ต้องเดือดร้อนผู้อื่นสามารถทำได้ไม่ยาก และทำได้ง่ายเสียด้วย</span><br />
<br />
<span style="color: purple;">มันขึ้นอยู่กับความคิดของคุณเองต่างหากว่าจะรู้จักความหมายของคำว่าประหยัดอดออมอย่าแท้จริงหรือไม่ ยังมีความฟุ้งเฟ้ออยู่หรือเปล่า หรือรู้จักคุณค่าของเงินมากน้อยแค่ไหน อะไรที่เรียกว่างกและอะไรที่เรียกว่าไม่งก</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-41150573062944852102012-11-25T08:18:00.000-08:002012-11-25T08:18:10.608-08:00สำหรับคนไม่เก่งต้องนึกถึงเรื่องเงินออมทุกลมหายใจเข้าออก<span style="background-color: white; color: blue;"></span><br />
<span style="color: blue;"> หลักการสู่การเป็นเศรษฐีข้อแรก ถ้าคุณอยากจะร่ำรวย "ให้สร้างเงินทุนส่วนเจ้าของเสียแต่เนิ่นๆ" เพราะถ้าคุณคิดเช่นนี้ได้ จะถือเป็นก้าวแรกที่คุณก้าวออกจากเส้นทางล้มละลายที่กำลังเดินอยู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่สุด เพราะตราบใดที่ไม่มีก้าวแรก มันก็ไม่มีก้าวต่อไป</span><br />
<span style="color: blue;"> </span><br />
<span style="color: blue;"> สำหรับก้าวแรกของคนไม่เก่งอาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆ สักหน่อย เพราะต้องอาศัยการเริ่มต้นกิจการจากเงินเก็บ คนที่เก่งแล้วปล่อยเขาไป เขาอาจจะก้าวได้เร็วกว่าเรา ก็ไม่ต้องไปอิจฉาเขา เพราะเขาอาจจะเริ่มต้นสร้างกิจการได้ทันทีที่ต้องการด้วยการเข้าถึงแหล่างเงินทุนต่างๆ</span><br />
<span style="color: blue;"></span><br />
<span style="color: blue;"> ในขณะที่คนไม่เก่งต้องเริ่มต้นด้วยการเก็บออมเงิน ซึ่งดูเหมือนว่ามันช้า แต่จะกลายเป็นว่าคนไม่เก่งกลับสามารถสร้างกิจการที่มีความมั่นคงได้มากกว่า เพราะอะไร</span><br />
<span style="color: blue;"></span><br />
<span style="color: blue;"> </span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-55576299845893721912012-11-18T07:57:00.000-08:002012-12-01T06:35:05.060-08:00เริ่มต้นวางระบบการใช้จ่ายเงิน<span style="color: purple;"> เพื่อให้คุณมีเงินเก็บโดยอัตโนมัติ คุณจำเป็นต้องมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินที่ดีพอ ต้องรุ้จักสำรองเงินไว้สำหรับยามฉุกเฉินก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเงินสำรองไปเป็นเงินเก็บ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บโดยไม่มีการวางแผน เวลาที่มีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน เงินเก็บของคุณก้คงต้องอันตรธานหายไป</span><br />
<span style="color: purple;"> </span><br />
<span style="color: purple;"> การวางแผนการจ่ายเงินนั้น ไม่ได้หมายถึงแต่เฉพาะการวางแผนเรื่องรายจ่ายเพียงอย่างเดียว การวางแผนการใช้จ่ายเงินยังรวมไปถึงการหาหนทางที่จะทำให้เงินที่มีเกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุดการตัดช่องทางที่จะทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ อะไรจ่ายแล้วนำมาซึ่งผลประโยชน์ อย่าเขียมที่จะจ่ายออกไป </span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7161423425645917069.post-21076043636383272682012-11-11T00:51:00.001-08:002012-11-25T07:35:14.054-08:00อย่าคิดว่าจะต้องแบ่งไว้เก็บให้คิดว่าใช้อย่างไรถึงมีเงินเก็บ <span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> การที่คุณจะมีเงินเก็บได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่ว่าแค่เก็บเงิน เงินเก็บของคุณก็จะงอกเงยขึ้นมา การเก็บเงินอาจจะดูเหมือนเป็นอะไรง่ายๆก็จริงอยู่ เพราะการเก็บเงินไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะทำให้เงินเก็บงอกเงยขึ้นเรื่อยๆเป็นอะไรที่อยากมากๆ</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เพราะมันจะมีเหตุที่ทำให้การเก็บเงินของคุณต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าอยู่บ่อยครั้ง การเก็บเงินเพื่อให้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ต้องควบคู่ไปกับการวางแผนการใช้จ่ายเงินที่ดี</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> ที่ผ่านมาคุณคงได้ยินอยู่บ่อยครั้งกับประโยคที่ว่า ใช้ 7 ส่วน เก็บ 3 ส่วน ซึ่่งถือว่าเป็นวิธีการสร้างเงินออมแบบง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน เพราะบางครั้งเงิน 7 ส่วนที่แบ่งไว้ใช้จ่ายกลับไม่เพียงพอ เพราะอะไร เช่น ถ้าคุณมีเงินเดือน 6,000 บาท 7 ส่วนที่ว่าก็คือ 4,300 บาท ซึ่งดูเหมือนว่ามาก แต่สำหรับคนที่เช่าห้องอยู่ เมื่อหักค่าเช่าห้องแล้วก็เหลือใช้วันละ 100 บาทนิดๆ ไหนจะค่ารถ ไหนจะค่าอาหาร 3 มื้อ การใช้เงินที่เหลือให้ชนเดือนเป็นเรื่องใหญ่แน่! เมื่อเป็นเช่นนี้การจะมานั่งคิดว่าต้องเก็บเงินคงเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะทำได้</span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span><br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> แต่ถ้าคุณมีการวางแผนการใช้จ่ายทางการเงินที่เป็นระบบระเบียบแล้ว คุณจะสามารถสร้างเงินเก็บขึ้นมาได้เองโดยอัตโนมัติเพราะเมื่อสามารถใช้เงินที่มีได้เพียงพอ เวลาที่คุณตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดออกไปได้ย่อมจะส่งผลให้เกิดเงินเก็บเพิ่มขึ้นยิ่งคุณสามารถตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นได้มากเท่าไหร่ เงินเก็บของคุณก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น</span>น.ส จันทิรา ภักดีสารhttp://www.blogger.com/profile/17522139340863336356noreply@blogger.com1